GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "Metal Gear Solid V"
10 สุดยอดสุนัขจากวิดีโอเกม
ในเกมต่างๆ เราจะได้เห็นเผ่าพันธุ์บรรดาสัตว์มากมายในเกมใช่ไหมครับ แต่หนึ่งในสัตว์ที่เราเห็นกันบ่อยๆ ในวีดีโอเกมก็คงไม่พ้นเหล่าสุนัขที่มีเยอะมากในวีดีโอเกม จะมีหลายแบบทั้งพวกดุร้ายที่เป็นศัตรู หรือคู่หูเพื่อนร่วทาง ซึ่งวันนี้ผมจะพาผู้อ่านมารู้จักกับ 10 สุดยอดสุนัขจากเกมต่างๆ จะมีตัวละครไหนที่ถูกใจกันบ้างมาดูกันครับ. 1.KK Slider จากซีรี่ส์ Animal Crossing ผลโหวตเลือก KK Slider ให้เป็นสุนัขที่ดีที่สุดใน Animal Crossing เพราะตัวละครนี้นอกจากจะอยู่กับผู้เล่นมาตั้งแต่ภาคแรกๆ แล้วเขายังมีสเน่ห์ในการใช้คำพูดที่นุ่มนวลและขับร้องเพลงที่ไพเราะมากกว่า 90 เพลงนับตั้งแต่ภาค New Leaf! เขายังเป็นตัวละครสุนัขที่ไม่เหมือนใครครับเพราะเขาสามารถเปิดคอนเสิร์ตและมอบความสนุปให้กับผู้คนบนเกาะอยู่บ่อยครั้งอีกด้วย. 2.Dogmeat จากซีรี่ส์ Fallout 4 Fallout เป็นซีรี่ส์ที่ทำให้ชาวเกมหลงรักกันมายาวนานอยู่พักใหญ่ๆ และยังมีเจ้าหมา Dogmeat หนึ่งในตัวละครที่โดดเด่น มันปรากฏตัวในเกมครั้งแรกเมื่อปี 1997 และยังคงออกมาให้เห็นอยู่ในเกมแทบทุกภาคจนมาถึงภาค 4 โดยแฟนๆ เกมนี้รักสุนัขตัวนี้มาก ถึงขนาดที่ว่าถ้าเจ้าหมาตายผู้เล่นจะยอมย้อนกลับไปเล่นใหม่ ซึ่งนั่นหมายความว่าเป็นการยกเลิกเซฟที่เล่นมาหลายชั่วโมงเลยครับ แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้แฟนๆ มีความสุขมากๆ ใน Fallout 4 เพราะเจ้าหมา Dogmeat นั้นไม่สามารถตายได้มันจะอยู่กับเราจนจบเกมครับ. 3.The Dog จากเกม Fable II เจ้าหมาแห่ง Fable II เป็นที่เหล่าเกมเมอร์รู้ดีกันครับว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ใหญ่ที่สุดในเกม สุนัขตัวนี้จะเป็นเพื่อนรักและผู้ติดตามของเราไปตลอดเกมยอมสู้ตัวตายเพื่อปกป้องเราเวลาต้องสู้กับ BOSS ซึ่งเมื่อจบเกมผู้เล่นจะสามารถเลือกรางวัลใหญ่ได้ 3 ทาง คือ 1.เงินทองมหาศาล 2.ฟื้นชีวิตคนที่ตายให้กลับมา 3.ชุบเจ้าหมาของเรา แล้วผู้อ่านคิดว่าส่วนใหญ่เหล่าเกมเมอร์จะเลือกข้อไหนครับ555. 4.Sif จากเกม Dark Souls การต่อสู้ที่ดุเดือดแต่แฝงไปด้วยบรรยากาศที่หดหู่ บรรยากาศของมิตรภาพในวันวาน เมื่อผู้เล่นต้องจัดการกับหมาป่าที่ปกป้องหลุมศพของสหายผู้ล่วงลับ ที่สำคัญคือนักออกแบบหมาป่าตัวนี้ทำมันออกมาได้ดูเท่และน่าเกรงขามมากๆ มันทั้งตัวใหญ่และคาบดาบยักษ์เป็นอาวุธ มีผู้เล่นหลายคนเผยความรู้สึกว่าถ้าเลือกได้พวกเขาจะหลีกเลี่ยงที่จะต้องสังหารมัน เพราะมันไม่ได้ต้องการทำร้ายใครก่อน เพียงแค่จะปกป้องศักดิ์ศรีและความรักที่มันมีให้ต่อสหายเท่านั้น. 5.D-Dog จาก Metal Gear Solid V ผู้เล่นซีรี่ส์ Matal Gear Solid ทุกคนล้วนตกหลุมรักเจ้า D-Dog เพราะมันออกมาอยู่ในซีรี่ส์ตั้งแต่ตอนยังเป็นลูกสุนัขตัวเล็กๆ ที่ดูเลี้ยงโดย Snake แถมยังมีใส่ผ้าปิดตาไว้ข้างนึงเหมือนเข้านายของมันอีกด้วย นึกภาพนะครับว่าเราเห็นลูกสุนัขตัวเล็กๆ เติบโตจนกลายเป็นสุนัขทหารขนเทาที่น่าเกรงขาม คอยช่วยเหลือเราในยามบุกฐานศัตรูทั้งคอยดมกลิ่น หลอกล่อ และกระโจนขย้ำศัตรูตามคำสั่งอีกด้วย. 6.Polterpup จาก Luigis Mansion 3 ใครบอกว่าผีไม่น่ารักครับ ผมขอแนะนำให้รู้จักกับวิญญาณผีน้อยอย่าง Polterpup แต่วิญญาณตนนี้ยังคงสเน่ห์ความเป็นน้องหมาอยู่ครับ เกมบางเกมมีสัตว์น่ารักมากมายที่ปรากฏมาในเกม แต่ผู้เล่นที่หลงใหลในสัตว์เหล่านั้นทำได้แค่มองและเสียดายที่ไม่สามารถนำพวกมันมาเลี้ยงได้ แต่สำหรับเกมนี้ที่ทำให้หลายๆ คนหลงรักมันก็คือผู้เล่นสามารถเลี้ยงมันได้ใน Luigis Mansion 3 ! 7.สุนัขแสนน่ารำคาญจาก Undertale เจ้าสุนัขสุดป่วนที่กลายเป็นอีกจุดเด่นของเกม Undertale มันชอบออกมาป่วนและโผล่มากวนผู้เล่นเป็นช่วงสั้นๆ แต่บ่อยครั้งตลอดทั้งเกม เช่นบางครังมันไปขโมยคาบกระดูกของ Papyrus ( ตัวละครรูปร่างกระดูกในเกม ) ซึ่งกระดูกนั้นจะทำการระเบิดเมื่อมาถึงมือเรา แล้วจะดูดไอเทมที่ผู้เล่นได้รับมาจากการไขปริศนาต่างๆ ถ้าอยากรู้ว่าเจ้าหมาตัวนี้มันเกรียนและป่วนยังไงก็ต้องลองซื้อเกม Undertale มาลองเล่นกันแล้วแหละครับ555. 8.Amaterasu จาก Okami Amaterasu จะไม่ได้เป็นเพียงสัตว์เลี้ยง บอส หรือตัวประกอบในเกม แต่จะเป็นตัวละครที่ผู้เล่นจะต้องเล่นเป็นตัวหลัก ซึ่ง Amaterasu เป็นเทพธิดาในรูปแบบหมาป่า ซึ่งเธอมีความสามารถพิเศษมากมายเช่น หางของเธอนั้นสามารถวาดพลังงานเพื่อสร้างเป็นแสงสว่าง ความมืด หรือธาตุต่างๆ อย่าง ดิน น้ำ ไฟ ลมได้ยังมีความสามารถที่ผมไม่ขอสปอยด์อยากให้ผู้อ่านลองไปตามหาดูในเกม Okami นะครับแต่ขอรับประกันในงานภาพ และเนื้อเรื่องที่คุ้มค่ากับการเล่นมากๆ ครับ. 9.Wolf Link จาก Twilight Princess หนึ่งในตัวละครที่ดูโดดเด่นที่สุดของเกมตลอดการนั่นคือ Wolf Link ในเกม Twilight Princess ที่สามารถแปลงร่างเป็นหมาป่าหรือมนุษย์ก็ได้ แต่เวลาแปลงร่างเป็นหมาป่านั้นจะทำให้เขาสามารถสื่อสารกับสัตว์อื่นๆ และควบคุมมันได้ ที่สำคัญถ้าอยากรู้ว่าเจ้าหมาป่าตัวที่เป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมขนาดไหน ก็ขนาดที่ว่าผู้เล่นสามารถเรียกเขามาเป็นสัตว์คู่กายได้ในเกมดังอย่าง The Legend of Zelda: Breath of the Wild. 10.หมาป่าจาก Resident Evill 4 บอกเลยว่าข้อสุดท้ายนี้เกมเมอร์ยุค PS2 แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักครับ เจ้าหมาป่าตัวนี้ผู้เล่นจะพบมันในช่วงแรกๆ ซึ่งมันจะถูกกับดับสัตว์ล็อคขาอยู่ *ในส่วนนี้ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะช่วย ปล่อยไว้ หรือยิงทิ้ง โดยถ้าใครที่เลือกช่วยเหลือมัน มันจะกระโดดหนีหายไปในป่า แต่จะมีสิ่งที่เซอร์ไพรส์ผู้เล่นคือ เมื่อถึงฉากต้องสู้กับซอมบี้ยักษ์ เจ้าหมาตัวนี้มันจะออกมา ( บอกเลยว่าผมเล่นผมรู้สึกใจเต้นมากๆ เหมือนพระเอกเลยครับเท่ๆ มากๆ น้องหมาตัวนี้ ) และทำการล่อเบี่ยงเบนความสนใจเจ้าซอมบี้ยักษ์ ทำให้ผู้เล่นสามารถเอาชนะได้ง่ายขึ้นครับ! Credit: Gamerant
19 Jun 2020
Hero’s Journey : ‘ตัวเอก’ ของชิ้นงานสร้างสรรค์ที่ดี ที่เราอยากเชียร์
เมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวที่ค่อนข้างชวนช็อคในแวดวงนักอ่านและนักเขียนพอสมควร เมื่อ คุณฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ หรือที่รู้จักกันในนามปากกา พนมเทียน’ เจ้าของผลงานนิยายผจญภัยอมตะของไทยอย่าง ‘เพชรพระอุมา’ และศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ปี 2540 ได้ถึงแก่กรรมในวัย 89 ปีด้วยโรคหัวใจ ถือได้ว่าเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงแก่แวดวงอย่างที่ไม่อาจประเมินค่าได้ [caption id="attachment_51861" align="aligncenter" width="1024"] คุณฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ หรือ ครูพนมเทียน เจ้าของผลงานนวนิยาย เพชรพระอุมา ผู้ล่วงลับ[/caption] สำหรับผู้เขียน เพชรพระอุมา จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่ช่วย Shape เส้นทางงานตัวอักษรอยู่ไม่น้อย เพราะได้พาตัวเองไปร่วมท่องป่าล่องไพรไปกับจอมพรานอย่างรพินทร์ ไพรวัลย์และคณะ ก่อนที่จะเริ่มจับปากกาเขียนเรื่องราวของตัวเองอย่างจริงจัง แน่นอนว่าในความสมบูรณ์แบบของนวนิยายเรื่องนี้ตลอดทั้ง 48 เล่ม มันมีรูปแบบการดำเนินเนื้อหาในทฤษฎีหนึ่งอันเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในทางวรรณกรรมวิจารณ์อย่าง ‘ทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษ’ หรือ ‘Hero’s Journey’ ที่ถูกนำมาศึกษา และปรับใช้ในการบอกเล่าเรื่องราวผ่านสื่อแขนงต่างๆ และแน่นอน รวมถึงชิ้นงานอย่างวิดีโอเกมก็ไม่มีข้อยกเว้นด้วยเช่นกัน ทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษนั้น ถ้ากล่าวโดยสั้นๆ มันคือการศึกษารูปแบบและลักษณะของเรื่องราวปรัมปรา ว่าแม้จะมีรายละเอียดปลีกย่อยบางส่วนที่แตกต่างกัน แต่ก็มีจุดร่วมและโครงสร้างบางอย่างที่เหมือนกันที่สามารถจัดจำแนกเป็นหมวดหมู่ได้อย่างสรุปเป็นหัวข้อได้ทั้งหมด 8 หลักใหญ่ร่วมกัน (หรือซอยย่อยออกเป็น 17 หัวข้อหลัก) ตามแผนภาพที่นำเสนอด้านล่างนี้ การศึกษาทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษนั้น เริ่มต้นขึ้นในปี 1871 โดย เอดเวิร์ด เบอร์เนตต์ ไทเลอร์ ที่ทำการสังเกตว่า เรื่องราวและตำนานต่างๆ ของโลกนั้น มีจุดร่วมกันบางอย่างที่มีแบบแผนและรูปแบบที่ตายตัว ก่อนที่นักวิชาการท่านอื่นๆ จะนำเอาทฤษฎีทางจิตวิเคราะห์ของทั้ง ซิกมันด์ ฟรอยด์ และคาร์ล ยุง เข้ามาใช้ร่วมกัน แต่คนที่นำเอาทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษมาใช้อย่างจริงจังนั้น กลับเป็น โจเซฟ แคมป์เบิล ที่นำเอาแนวคิดดังกล่าวมาใช้อย่างจริงจังในหนังสือ ‘วีรบุรุษพันหน้า (The Hero with a Thousand Faces) และสรุปเป็นหลักใหญ่ใจความสำคัญได้ดังต่อไปนี้ วีรบุรุษออกจากโลกธรรมดาไปสู่ดินแดนที่มีสิ่งเหนือธรรมชาติ ที่นี้เขาจะได้พบกับสิ่งชักจูงที่ยิ่งใหญ่ต่าง ๆ และจะได้รับชัยชนะ จากนั้นเขาจะกลับมาจากการผจญภัยอันลึกลับนี้พร้อมกับพลังที่สามารถช่วยผู้ชายคนอื่นได้ แน่นอนว่าทฤษฎีดังกล่าวนี้ แม้จะมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย แต่ก็ไม่พ้นข้อครหาและเสียงวิพากษ์ว่า มันเป็นแนวคิดที่กว้างเกินกว่าที่จะใช้ประโยชน์ได้ในหลักการศึกษาปรัมปราวิทยาเปรียบเทียบ แต่เราคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า มันเป็นเสาหลักหรือ Foundation ที่ดีเพียงพอสำหรับการบอกเล่าเรื่องราวในสื่อชนิดต่างๆ ตั้งแต่ตำนานการเดินทางของพระพุทธเจ้า เรื่องราวของพระเยซูคริสต์ บัญญัติสิบประการของโมเสส การเดินทางไปทำลายแหวนหนึ่งเดียวของโฟรโด้ใน The Lord of the Rings และรวมถึงการเขียนเรื่องราวในสื่อแขนงใหม่อย่างเช่นภาพยนตร์ และวิดีโอเกม สำหรับสื่อวิดีโอเกมที่เติบโตและต่อยอดมาอย่างยาวนานจนกลายเป็นอีกหนึ่งสื่อบันเทิงแขนงหลักในรอบสี่ทศวรรษนั้น การพัฒนาการบอกเล่าเนื้อหาก็เป็นส่วนสำคัญที่ถูกให้ความใส่ใจ และการใช้ทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษนั้น ก็เป็นอุปกรณ์สำคัญในการสร้างความลื่นไหลในจังหวะการเล่น เพราะไม่ว่าจะเป็นการตามหาเจ้าหญิงพีชใน Super Mario Brothers, การผจญภัยข้ามยุคของภาคีมือสังหารในซีรีส์ Assassin’s Creed, การลุยฝ่าขุมนรกของ Doom Slayer ใน Doom Eternal, การผจญภัยของ Cloud Strife และผองเพื่อนใน Final Fantasy 7 Remake ไปจนถึงการเดินทางกอบกู้โลกหลังหายนะของ Aloy ใน Horizon Zero Dawn แต่สื่อวิดีโอเกมนั้นมีความพิเศษบางอย่างที่ทำให้ผู้สร้างต้องมีความใส่ใจกับการใช้งานทฤษฎีของวีรบุรุษที่มากกว่าสื่อบันเทิงชนิดอื่นๆ กล่าวคือ มันเป็นสื่อที่ ‘มีการตอบสนอง’ และ ‘ปฏิสัมพันธ์’ กับผู้เสพรับอย่างตรงไปตรงมา มันคือการนำพาผู้เล่นไปสวมรับกับบทบาทและควบคุมทุกสิ่งที่เป็นไปผ่านหน้าจอในตลอดระยะเวลาหลักสิบจนถึงหลักร้อยชั่วโมง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อเทียบกับสื่อที่มีธรรมชาติในการปฏิสัมพันธ์กับผู้เสพรับในทางเดียวอย่างเช่นภาพยนตร์ เพราะหน้าที่หลักของผู้สร้าง ไม่เพียงแต่จะต้องรังสรรค์โลกพื้นหลังของเกมให้มีความน่าเชื่อถือเป็น Context สำคัญ (ดังเช่นบทความชิ้นก่อนหน้านั้นที่ผู้เขียนได้ยกอ้างกล่าวถึงไปแล้ว) หากแต่ลำดับเรื่องราวและการเดินทางของตัวละครเอง ก็ต้องสมเหตุสมผลภายใต้ขอบเขตและเงื่อนไขที่กำหนด ไม่นับรวมกับ Content ที่จะต้องให้ความสนุกอย่างเพียงพอ ที่จะทำให้ผู้เล่นนั้นมีส่วนร่วม และเชื่ออย่างสนิทใจว่า ตัวละครที่เขาจะได้ใช้เวลาร่วมกันนั้น เป็นเวลาคุณภาพที่คุ้มค่ามากพอจนกว่าจะถึงปลายทาง อนึ่ง การใช้ทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษในชิ้นงานวิดีโอเกม แม้จะเป็นเสาหลักสำคัญที่ผู้สร้างใช้ยึดโยงเอาไว้เป็นแก่นสำคัญ แต่ด้วยธรรมชาติของสื่อชนิดนี้เองนั้น เปิดทางให้กับการดัดแปลงและตีความได้อย่างหลากหลายสำหรับการบอกเล่าเนื้อหาและการใช้ทฤษฎีดังกล่าว เพราะมัน ‘อาจจะ’ ไม่จำเป็นว่าจะต้องจบลงด้วยความผาสุกแบบ Happy Ending เสมอไป การเรียนรู้และเหตุการณ์ของตัวละครอาจจะนำมาซึ่งความเจ็บปวด การแตกสลาย และการ ‘กลายสภาพ’ ไปสู่ตัวตนใหม่ (ซึ่งก็ตรงกับหลักข้อสุดท้ายของทฤษฎี…) ดังเช่นผลงานเกมเดินหน้ายิงอย่าง Spec Ops: The Line ได้เลือกใช้ (เป็นหนึ่งในผลงานเกมเดินหน้ายิงที่แม้จะไม่โด่งดังมากนัก แต่ก็มีเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมที่ผู้เขียนขอแนะนำ…) และในทางหนึ่ง ในอนาคตข้างหน้า มันกำลังจะมีผลงานที่ท้าทายทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษอย่าง Watch Dogs : Legion ที่ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทตัวละครที่ ‘หลากหลาย’ ทั้งพื้นหลัง ความเป็นมา และคุณสมบัติ มันก็น่าลุ้นอยู่ไม่น้อย ว่าทีมสร้างจะสามารถผูกเรื่องราวและใช้ทฤษฎีดังกล่าวอย่างไร ภายใต้สภาพแวดล้อมเปิด และการมีจุดร่วมอย่างกว้างๆ ไม่เจาะจงตายตัว ถือได้ว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่งยวดสำหรับผลงานชิ้นนี้ (ที่เราอาจจะต้องรอนานกว่าที่คิด จากแผนการเลื่อนการวางจำหน่ายเกมของ Ubisoft ที่ถูกผลักออกไปอย่างไม่มีกำหนด…) แต่ในท้ายที่สุดนี้ หากมองในโครงสร้างของทฤษฏีการเดินทางของวีรบุรุษที่ถูกใช้งานมาในตลอดระยะเวลาหลายสิบปีนั้น มันก็สะท้อนถึงความต้องการบางอย่างที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ในความปรารถนาที่จะเป็น ‘ใครสักคน’ ที่มีความสำคัญ ออกเดินทางในการผจญภัยอันไม่ธรรมดา และกลับมาพร้อมชัยชนะอันยิ่งใหญ่ และสื่อวิดีโอเกม ก็ยิ่งตอกย้ำแนวคิดหลักนี้ให้เด่นชัดมากขึ้นโดยธรรมชาติของการปฏิสัมพันธ์และการตอบสนองของผู้เล่นที่มีต่อชิ้นงาน ที่สามารถควบคุม กระทำ และกำหนดทิศทางได้ด้วยตนเอง เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น มันอาจจะเป็นวงจรอันน่าเบื่อหน่ายของการใช้ชีวิตตามกำหนดและรูปแบบที่คุ้นเคยและชินชา โดยเฉพาะกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ที่วิกฤติโรคร้าย COVID-19 ทำให้ทุกอย่างถูกแช่แข็งและหยุดนิ่งไปโดยไม่รู้ว่าปลายทางจะไปจบลงที่ใด และเปลี่ยนโฉมหน้าของการเล่นเกมไปในทิศทางที่ไม่เคยมีมาก่อน… และการได้สวมบทบาทเป็นใครสักคน ไม่ว่าจะในรอยเท้าของรพินทร์ ไพรวัลย์กับคณะแห่งเพชรพระอุมา หรือวีรกรรมของ Big Boss (Punished Snake) ในซีรีส์ Metal Gear Solid ก็ตอบรับกับเสียงเรียกที่อยู่ภายในใจของเรา ที่ถูกปลูกฝังผ่านสื่อ เรื่องราว การบอกเล่า มาอย่างยาวนานตลอดช่วงระยะเวลาการเติบโตมาเป็นตัวตนในทุกวันนี้ และ ตัวเอกที่ดี ที่เรามีใจอยากเชียร์ ก็ถูกสะท้อนผ่านแนวคิดของทฤษฎีดังกล่าว ไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง เสมอมา... ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
27 Apr 2020
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "Metal Gear Solid V"
10 สุดยอดสุนัขจากวิดีโอเกม
ในเกมต่างๆ เราจะได้เห็นเผ่าพันธุ์บรรดาสัตว์มากมายในเกมใช่ไหมครับ แต่หนึ่งในสัตว์ที่เราเห็นกันบ่อยๆ ในวีดีโอเกมก็คงไม่พ้นเหล่าสุนัขที่มีเยอะมากในวีดีโอเกม จะมีหลายแบบทั้งพวกดุร้ายที่เป็นศัตรู หรือคู่หูเพื่อนร่วทาง ซึ่งวันนี้ผมจะพาผู้อ่านมารู้จักกับ 10 สุดยอดสุนัขจากเกมต่างๆ จะมีตัวละครไหนที่ถูกใจกันบ้างมาดูกันครับ. 1.KK Slider จากซีรี่ส์ Animal Crossing ผลโหวตเลือก KK Slider ให้เป็นสุนัขที่ดีที่สุดใน Animal Crossing เพราะตัวละครนี้นอกจากจะอยู่กับผู้เล่นมาตั้งแต่ภาคแรกๆ แล้วเขายังมีสเน่ห์ในการใช้คำพูดที่นุ่มนวลและขับร้องเพลงที่ไพเราะมากกว่า 90 เพลงนับตั้งแต่ภาค New Leaf! เขายังเป็นตัวละครสุนัขที่ไม่เหมือนใครครับเพราะเขาสามารถเปิดคอนเสิร์ตและมอบความสนุปให้กับผู้คนบนเกาะอยู่บ่อยครั้งอีกด้วย. 2.Dogmeat จากซีรี่ส์ Fallout 4 Fallout เป็นซีรี่ส์ที่ทำให้ชาวเกมหลงรักกันมายาวนานอยู่พักใหญ่ๆ และยังมีเจ้าหมา Dogmeat หนึ่งในตัวละครที่โดดเด่น มันปรากฏตัวในเกมครั้งแรกเมื่อปี 1997 และยังคงออกมาให้เห็นอยู่ในเกมแทบทุกภาคจนมาถึงภาค 4 โดยแฟนๆ เกมนี้รักสุนัขตัวนี้มาก ถึงขนาดที่ว่าถ้าเจ้าหมาตายผู้เล่นจะยอมย้อนกลับไปเล่นใหม่ ซึ่งนั่นหมายความว่าเป็นการยกเลิกเซฟที่เล่นมาหลายชั่วโมงเลยครับ แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้แฟนๆ มีความสุขมากๆ ใน Fallout 4 เพราะเจ้าหมา Dogmeat นั้นไม่สามารถตายได้มันจะอยู่กับเราจนจบเกมครับ. 3.The Dog จากเกม Fable II เจ้าหมาแห่ง Fable II เป็นที่เหล่าเกมเมอร์รู้ดีกันครับว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ใหญ่ที่สุดในเกม สุนัขตัวนี้จะเป็นเพื่อนรักและผู้ติดตามของเราไปตลอดเกมยอมสู้ตัวตายเพื่อปกป้องเราเวลาต้องสู้กับ BOSS ซึ่งเมื่อจบเกมผู้เล่นจะสามารถเลือกรางวัลใหญ่ได้ 3 ทาง คือ 1.เงินทองมหาศาล 2.ฟื้นชีวิตคนที่ตายให้กลับมา 3.ชุบเจ้าหมาของเรา แล้วผู้อ่านคิดว่าส่วนใหญ่เหล่าเกมเมอร์จะเลือกข้อไหนครับ555. 4.Sif จากเกม Dark Souls การต่อสู้ที่ดุเดือดแต่แฝงไปด้วยบรรยากาศที่หดหู่ บรรยากาศของมิตรภาพในวันวาน เมื่อผู้เล่นต้องจัดการกับหมาป่าที่ปกป้องหลุมศพของสหายผู้ล่วงลับ ที่สำคัญคือนักออกแบบหมาป่าตัวนี้ทำมันออกมาได้ดูเท่และน่าเกรงขามมากๆ มันทั้งตัวใหญ่และคาบดาบยักษ์เป็นอาวุธ มีผู้เล่นหลายคนเผยความรู้สึกว่าถ้าเลือกได้พวกเขาจะหลีกเลี่ยงที่จะต้องสังหารมัน เพราะมันไม่ได้ต้องการทำร้ายใครก่อน เพียงแค่จะปกป้องศักดิ์ศรีและความรักที่มันมีให้ต่อสหายเท่านั้น. 5.D-Dog จาก Metal Gear Solid V ผู้เล่นซีรี่ส์ Matal Gear Solid ทุกคนล้วนตกหลุมรักเจ้า D-Dog เพราะมันออกมาอยู่ในซีรี่ส์ตั้งแต่ตอนยังเป็นลูกสุนัขตัวเล็กๆ ที่ดูเลี้ยงโดย Snake แถมยังมีใส่ผ้าปิดตาไว้ข้างนึงเหมือนเข้านายของมันอีกด้วย นึกภาพนะครับว่าเราเห็นลูกสุนัขตัวเล็กๆ เติบโตจนกลายเป็นสุนัขทหารขนเทาที่น่าเกรงขาม คอยช่วยเหลือเราในยามบุกฐานศัตรูทั้งคอยดมกลิ่น หลอกล่อ และกระโจนขย้ำศัตรูตามคำสั่งอีกด้วย. 6.Polterpup จาก Luigis Mansion 3 ใครบอกว่าผีไม่น่ารักครับ ผมขอแนะนำให้รู้จักกับวิญญาณผีน้อยอย่าง Polterpup แต่วิญญาณตนนี้ยังคงสเน่ห์ความเป็นน้องหมาอยู่ครับ เกมบางเกมมีสัตว์น่ารักมากมายที่ปรากฏมาในเกม แต่ผู้เล่นที่หลงใหลในสัตว์เหล่านั้นทำได้แค่มองและเสียดายที่ไม่สามารถนำพวกมันมาเลี้ยงได้ แต่สำหรับเกมนี้ที่ทำให้หลายๆ คนหลงรักมันก็คือผู้เล่นสามารถเลี้ยงมันได้ใน Luigis Mansion 3 ! 7.สุนัขแสนน่ารำคาญจาก Undertale เจ้าสุนัขสุดป่วนที่กลายเป็นอีกจุดเด่นของเกม Undertale มันชอบออกมาป่วนและโผล่มากวนผู้เล่นเป็นช่วงสั้นๆ แต่บ่อยครั้งตลอดทั้งเกม เช่นบางครังมันไปขโมยคาบกระดูกของ Papyrus ( ตัวละครรูปร่างกระดูกในเกม ) ซึ่งกระดูกนั้นจะทำการระเบิดเมื่อมาถึงมือเรา แล้วจะดูดไอเทมที่ผู้เล่นได้รับมาจากการไขปริศนาต่างๆ ถ้าอยากรู้ว่าเจ้าหมาตัวนี้มันเกรียนและป่วนยังไงก็ต้องลองซื้อเกม Undertale มาลองเล่นกันแล้วแหละครับ555. 8.Amaterasu จาก Okami Amaterasu จะไม่ได้เป็นเพียงสัตว์เลี้ยง บอส หรือตัวประกอบในเกม แต่จะเป็นตัวละครที่ผู้เล่นจะต้องเล่นเป็นตัวหลัก ซึ่ง Amaterasu เป็นเทพธิดาในรูปแบบหมาป่า ซึ่งเธอมีความสามารถพิเศษมากมายเช่น หางของเธอนั้นสามารถวาดพลังงานเพื่อสร้างเป็นแสงสว่าง ความมืด หรือธาตุต่างๆ อย่าง ดิน น้ำ ไฟ ลมได้ยังมีความสามารถที่ผมไม่ขอสปอยด์อยากให้ผู้อ่านลองไปตามหาดูในเกม Okami นะครับแต่ขอรับประกันในงานภาพ และเนื้อเรื่องที่คุ้มค่ากับการเล่นมากๆ ครับ. 9.Wolf Link จาก Twilight Princess หนึ่งในตัวละครที่ดูโดดเด่นที่สุดของเกมตลอดการนั่นคือ Wolf Link ในเกม Twilight Princess ที่สามารถแปลงร่างเป็นหมาป่าหรือมนุษย์ก็ได้ แต่เวลาแปลงร่างเป็นหมาป่านั้นจะทำให้เขาสามารถสื่อสารกับสัตว์อื่นๆ และควบคุมมันได้ ที่สำคัญถ้าอยากรู้ว่าเจ้าหมาป่าตัวที่เป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมขนาดไหน ก็ขนาดที่ว่าผู้เล่นสามารถเรียกเขามาเป็นสัตว์คู่กายได้ในเกมดังอย่าง The Legend of Zelda: Breath of the Wild. 10.หมาป่าจาก Resident Evill 4 บอกเลยว่าข้อสุดท้ายนี้เกมเมอร์ยุค PS2 แทบจะไม่มีใครไม่รู้จักครับ เจ้าหมาป่าตัวนี้ผู้เล่นจะพบมันในช่วงแรกๆ ซึ่งมันจะถูกกับดับสัตว์ล็อคขาอยู่ *ในส่วนนี้ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าจะช่วย ปล่อยไว้ หรือยิงทิ้ง โดยถ้าใครที่เลือกช่วยเหลือมัน มันจะกระโดดหนีหายไปในป่า แต่จะมีสิ่งที่เซอร์ไพรส์ผู้เล่นคือ เมื่อถึงฉากต้องสู้กับซอมบี้ยักษ์ เจ้าหมาตัวนี้มันจะออกมา ( บอกเลยว่าผมเล่นผมรู้สึกใจเต้นมากๆ เหมือนพระเอกเลยครับเท่ๆ มากๆ น้องหมาตัวนี้ ) และทำการล่อเบี่ยงเบนความสนใจเจ้าซอมบี้ยักษ์ ทำให้ผู้เล่นสามารถเอาชนะได้ง่ายขึ้นครับ! Credit: Gamerant
19 Jun 2020
Hero’s Journey : ‘ตัวเอก’ ของชิ้นงานสร้างสรรค์ที่ดี ที่เราอยากเชียร์
เมื่อเร็วๆ นี้ มีข่าวที่ค่อนข้างชวนช็อคในแวดวงนักอ่านและนักเขียนพอสมควร เมื่อ คุณฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ หรือที่รู้จักกันในนามปากกา พนมเทียน’ เจ้าของผลงานนิยายผจญภัยอมตะของไทยอย่าง ‘เพชรพระอุมา’ และศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ปี 2540 ได้ถึงแก่กรรมในวัย 89 ปีด้วยโรคหัวใจ ถือได้ว่าเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงแก่แวดวงอย่างที่ไม่อาจประเมินค่าได้ [caption id="attachment_51861" align="aligncenter" width="1024"] คุณฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ หรือ ครูพนมเทียน เจ้าของผลงานนวนิยาย เพชรพระอุมา ผู้ล่วงลับ[/caption] สำหรับผู้เขียน เพชรพระอุมา จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่ช่วย Shape เส้นทางงานตัวอักษรอยู่ไม่น้อย เพราะได้พาตัวเองไปร่วมท่องป่าล่องไพรไปกับจอมพรานอย่างรพินทร์ ไพรวัลย์และคณะ ก่อนที่จะเริ่มจับปากกาเขียนเรื่องราวของตัวเองอย่างจริงจัง แน่นอนว่าในความสมบูรณ์แบบของนวนิยายเรื่องนี้ตลอดทั้ง 48 เล่ม มันมีรูปแบบการดำเนินเนื้อหาในทฤษฎีหนึ่งอันเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในทางวรรณกรรมวิจารณ์อย่าง ‘ทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษ’ หรือ ‘Hero’s Journey’ ที่ถูกนำมาศึกษา และปรับใช้ในการบอกเล่าเรื่องราวผ่านสื่อแขนงต่างๆ และแน่นอน รวมถึงชิ้นงานอย่างวิดีโอเกมก็ไม่มีข้อยกเว้นด้วยเช่นกัน ทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษนั้น ถ้ากล่าวโดยสั้นๆ มันคือการศึกษารูปแบบและลักษณะของเรื่องราวปรัมปรา ว่าแม้จะมีรายละเอียดปลีกย่อยบางส่วนที่แตกต่างกัน แต่ก็มีจุดร่วมและโครงสร้างบางอย่างที่เหมือนกันที่สามารถจัดจำแนกเป็นหมวดหมู่ได้อย่างสรุปเป็นหัวข้อได้ทั้งหมด 8 หลักใหญ่ร่วมกัน (หรือซอยย่อยออกเป็น 17 หัวข้อหลัก) ตามแผนภาพที่นำเสนอด้านล่างนี้ การศึกษาทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษนั้น เริ่มต้นขึ้นในปี 1871 โดย เอดเวิร์ด เบอร์เนตต์ ไทเลอร์ ที่ทำการสังเกตว่า เรื่องราวและตำนานต่างๆ ของโลกนั้น มีจุดร่วมกันบางอย่างที่มีแบบแผนและรูปแบบที่ตายตัว ก่อนที่นักวิชาการท่านอื่นๆ จะนำเอาทฤษฎีทางจิตวิเคราะห์ของทั้ง ซิกมันด์ ฟรอยด์ และคาร์ล ยุง เข้ามาใช้ร่วมกัน แต่คนที่นำเอาทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษมาใช้อย่างจริงจังนั้น กลับเป็น โจเซฟ แคมป์เบิล ที่นำเอาแนวคิดดังกล่าวมาใช้อย่างจริงจังในหนังสือ ‘วีรบุรุษพันหน้า (The Hero with a Thousand Faces) และสรุปเป็นหลักใหญ่ใจความสำคัญได้ดังต่อไปนี้ วีรบุรุษออกจากโลกธรรมดาไปสู่ดินแดนที่มีสิ่งเหนือธรรมชาติ ที่นี้เขาจะได้พบกับสิ่งชักจูงที่ยิ่งใหญ่ต่าง ๆ และจะได้รับชัยชนะ จากนั้นเขาจะกลับมาจากการผจญภัยอันลึกลับนี้พร้อมกับพลังที่สามารถช่วยผู้ชายคนอื่นได้ แน่นอนว่าทฤษฎีดังกล่าวนี้ แม้จะมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย แต่ก็ไม่พ้นข้อครหาและเสียงวิพากษ์ว่า มันเป็นแนวคิดที่กว้างเกินกว่าที่จะใช้ประโยชน์ได้ในหลักการศึกษาปรัมปราวิทยาเปรียบเทียบ แต่เราคงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า มันเป็นเสาหลักหรือ Foundation ที่ดีเพียงพอสำหรับการบอกเล่าเรื่องราวในสื่อชนิดต่างๆ ตั้งแต่ตำนานการเดินทางของพระพุทธเจ้า เรื่องราวของพระเยซูคริสต์ บัญญัติสิบประการของโมเสส การเดินทางไปทำลายแหวนหนึ่งเดียวของโฟรโด้ใน The Lord of the Rings และรวมถึงการเขียนเรื่องราวในสื่อแขนงใหม่อย่างเช่นภาพยนตร์ และวิดีโอเกม สำหรับสื่อวิดีโอเกมที่เติบโตและต่อยอดมาอย่างยาวนานจนกลายเป็นอีกหนึ่งสื่อบันเทิงแขนงหลักในรอบสี่ทศวรรษนั้น การพัฒนาการบอกเล่าเนื้อหาก็เป็นส่วนสำคัญที่ถูกให้ความใส่ใจ และการใช้ทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษนั้น ก็เป็นอุปกรณ์สำคัญในการสร้างความลื่นไหลในจังหวะการเล่น เพราะไม่ว่าจะเป็นการตามหาเจ้าหญิงพีชใน Super Mario Brothers, การผจญภัยข้ามยุคของภาคีมือสังหารในซีรีส์ Assassin’s Creed, การลุยฝ่าขุมนรกของ Doom Slayer ใน Doom Eternal, การผจญภัยของ Cloud Strife และผองเพื่อนใน Final Fantasy 7 Remake ไปจนถึงการเดินทางกอบกู้โลกหลังหายนะของ Aloy ใน Horizon Zero Dawn แต่สื่อวิดีโอเกมนั้นมีความพิเศษบางอย่างที่ทำให้ผู้สร้างต้องมีความใส่ใจกับการใช้งานทฤษฎีของวีรบุรุษที่มากกว่าสื่อบันเทิงชนิดอื่นๆ กล่าวคือ มันเป็นสื่อที่ ‘มีการตอบสนอง’ และ ‘ปฏิสัมพันธ์’ กับผู้เสพรับอย่างตรงไปตรงมา มันคือการนำพาผู้เล่นไปสวมรับกับบทบาทและควบคุมทุกสิ่งที่เป็นไปผ่านหน้าจอในตลอดระยะเวลาหลักสิบจนถึงหลักร้อยชั่วโมง แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อเทียบกับสื่อที่มีธรรมชาติในการปฏิสัมพันธ์กับผู้เสพรับในทางเดียวอย่างเช่นภาพยนตร์ เพราะหน้าที่หลักของผู้สร้าง ไม่เพียงแต่จะต้องรังสรรค์โลกพื้นหลังของเกมให้มีความน่าเชื่อถือเป็น Context สำคัญ (ดังเช่นบทความชิ้นก่อนหน้านั้นที่ผู้เขียนได้ยกอ้างกล่าวถึงไปแล้ว) หากแต่ลำดับเรื่องราวและการเดินทางของตัวละครเอง ก็ต้องสมเหตุสมผลภายใต้ขอบเขตและเงื่อนไขที่กำหนด ไม่นับรวมกับ Content ที่จะต้องให้ความสนุกอย่างเพียงพอ ที่จะทำให้ผู้เล่นนั้นมีส่วนร่วม และเชื่ออย่างสนิทใจว่า ตัวละครที่เขาจะได้ใช้เวลาร่วมกันนั้น เป็นเวลาคุณภาพที่คุ้มค่ามากพอจนกว่าจะถึงปลายทาง อนึ่ง การใช้ทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษในชิ้นงานวิดีโอเกม แม้จะเป็นเสาหลักสำคัญที่ผู้สร้างใช้ยึดโยงเอาไว้เป็นแก่นสำคัญ แต่ด้วยธรรมชาติของสื่อชนิดนี้เองนั้น เปิดทางให้กับการดัดแปลงและตีความได้อย่างหลากหลายสำหรับการบอกเล่าเนื้อหาและการใช้ทฤษฎีดังกล่าว เพราะมัน ‘อาจจะ’ ไม่จำเป็นว่าจะต้องจบลงด้วยความผาสุกแบบ Happy Ending เสมอไป การเรียนรู้และเหตุการณ์ของตัวละครอาจจะนำมาซึ่งความเจ็บปวด การแตกสลาย และการ ‘กลายสภาพ’ ไปสู่ตัวตนใหม่ (ซึ่งก็ตรงกับหลักข้อสุดท้ายของทฤษฎี…) ดังเช่นผลงานเกมเดินหน้ายิงอย่าง Spec Ops: The Line ได้เลือกใช้ (เป็นหนึ่งในผลงานเกมเดินหน้ายิงที่แม้จะไม่โด่งดังมากนัก แต่ก็มีเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมที่ผู้เขียนขอแนะนำ…) และในทางหนึ่ง ในอนาคตข้างหน้า มันกำลังจะมีผลงานที่ท้าทายทฤษฎีการเดินทางของวีรบุรุษอย่าง Watch Dogs : Legion ที่ผู้เล่นจะได้สวมบทบาทตัวละครที่ ‘หลากหลาย’ ทั้งพื้นหลัง ความเป็นมา และคุณสมบัติ มันก็น่าลุ้นอยู่ไม่น้อย ว่าทีมสร้างจะสามารถผูกเรื่องราวและใช้ทฤษฎีดังกล่าวอย่างไร ภายใต้สภาพแวดล้อมเปิด และการมีจุดร่วมอย่างกว้างๆ ไม่เจาะจงตายตัว ถือได้ว่าเป็นความท้าทายอย่างยิ่งยวดสำหรับผลงานชิ้นนี้ (ที่เราอาจจะต้องรอนานกว่าที่คิด จากแผนการเลื่อนการวางจำหน่ายเกมของ Ubisoft ที่ถูกผลักออกไปอย่างไม่มีกำหนด…) แต่ในท้ายที่สุดนี้ หากมองในโครงสร้างของทฤษฏีการเดินทางของวีรบุรุษที่ถูกใช้งานมาในตลอดระยะเวลาหลายสิบปีนั้น มันก็สะท้อนถึงความต้องการบางอย่างที่อยู่ในส่วนลึกของจิตใจมนุษย์ได้เป็นอย่างดี ในความปรารถนาที่จะเป็น ‘ใครสักคน’ ที่มีความสำคัญ ออกเดินทางในการผจญภัยอันไม่ธรรมดา และกลับมาพร้อมชัยชนะอันยิ่งใหญ่ และสื่อวิดีโอเกม ก็ยิ่งตอกย้ำแนวคิดหลักนี้ให้เด่นชัดมากขึ้นโดยธรรมชาติของการปฏิสัมพันธ์และการตอบสนองของผู้เล่นที่มีต่อชิ้นงาน ที่สามารถควบคุม กระทำ และกำหนดทิศทางได้ด้วยตนเอง เพราะในโลกแห่งความเป็นจริงนั้น มันอาจจะเป็นวงจรอันน่าเบื่อหน่ายของการใช้ชีวิตตามกำหนดและรูปแบบที่คุ้นเคยและชินชา โดยเฉพาะกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน ที่วิกฤติโรคร้าย COVID-19 ทำให้ทุกอย่างถูกแช่แข็งและหยุดนิ่งไปโดยไม่รู้ว่าปลายทางจะไปจบลงที่ใด และเปลี่ยนโฉมหน้าของการเล่นเกมไปในทิศทางที่ไม่เคยมีมาก่อน… และการได้สวมบทบาทเป็นใครสักคน ไม่ว่าจะในรอยเท้าของรพินทร์ ไพรวัลย์กับคณะแห่งเพชรพระอุมา หรือวีรกรรมของ Big Boss (Punished Snake) ในซีรีส์ Metal Gear Solid ก็ตอบรับกับเสียงเรียกที่อยู่ภายในใจของเรา ที่ถูกปลูกฝังผ่านสื่อ เรื่องราว การบอกเล่า มาอย่างยาวนานตลอดช่วงระยะเวลาการเติบโตมาเป็นตัวตนในทุกวันนี้ และ ตัวเอกที่ดี ที่เรามีใจอยากเชียร์ ก็ถูกสะท้อนผ่านแนวคิดของทฤษฎีดังกล่าว ไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง เสมอมา... ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
27 Apr 2020